เมื่อคุณแตกแยก คุณจะทำอย่างไร?
“สวรรค์นี้จะหายไป และสวรรค์ที่อยู่เหนือมันก็จะหายไปด้วย ผู้ที่ตายแล้วไม่ใช่คนมีชีวิต และผู้ที่มีชีวิตจะไม่ตาย เมื่อคุณเป็นหนึ่ง คุณก็ถูกแบ่งแยก แต่เมื่อคุณถูกแบ่งแยก คุณจะทำอย่างไร?” พระเยซู
Alan Dyer
6/29/20251 นาทีอ่าน


เมื่อคุณถูกแบ่งแยก คุณจะทำอย่างไร?
ได้รับแรงบันดาลใจจากคำสอนข้อที่ 11 ในพระกิตติคุณโธมัส
มีคำกล่าวหนึ่งของพระเยซูที่ฟังดูน่าหวั่นใจในพระกิตติคุณของโธมัส—พระกิตติคุณที่คนส่วนใหญ่มักไม่เคยอ่าน แต่กลับพูดถึงจิตวิญญาณได้ลึกซึ้ง:
“สวรรค์นี้จะหายไป และสวรรค์ที่อยู่เหนือมันก็จะหายไปเช่นกัน
ผู้ที่ตายแล้ว ไม่ได้มีชีวิต และผู้ที่มีชีวิตอยู่ จะไม่มีวันตาย
เมื่อคุณเคยเป็นหนึ่งเดียว คุณก็กลายเป็นผู้ถูกแบ่งแยก แล้วเมื่อคุณถูกแบ่งแยก คุณจะทำอย่างไร?” — พระเยซู
นี่ไม่ใช่ปริศนาที่ต้องแก้ไข แต่มันคือกระจกเงาที่สะท้อนจิตวิญญาณของคุณ
งั้นขอให้ข้าเริ่มต้นด้วยเรื่องเล่าเรื่องหนึ่ง
อุปมาเรื่องกระจกแตก
นานมาแล้ว ในหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ระหว่างแม่น้ำใหญ่สองสาย มีกระจกวิเศษใบหนึ่งไม่เหมือนกระจกใดในโลก ว่ากันว่ามันเป็นกระจกบานแรกที่มนุษย์สร้างขึ้น แต่ผู้ที่มองเข้าไปในกระจกนี้จะไม่ได้เห็นแค่ใบหน้า—แต่ได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของตนเอง
กระจกนี้ตั้งอยู่ใจกลางหมู่บ้านมาหลายชั่วอายุคน ผู้คนมาไม่ใช่เพื่อชมความงามภายนอก แต่เพื่อระลึกถึงตัวตนภายใน
วันหนึ่ง พายุใหญ่พัดกระหน่ำอย่างรุนแรง และกระจกก็แตกกระจายเป็นเศษเสี่ยง ชาวบ้านร้องไห้ด้วยความเสียใจ ต่างคนต่างเก็บเศษกระจกคนละชิ้นกลับบ้าน และสาบานว่าจะดูแลมันให้ดี
เวลาผ่านไป เด็ก ๆ โตขึ้น ความทรงจำค่อย ๆ เลือนหาย
แต่ละคนเริ่มเชื่อว่าเศษกระจกของตนคือกระจกทั้งบาน พวกเขายกมันขึ้นและกล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า “นี่แหละคือความจริง!” แต่ไม่มีเศษไหนสะท้อนภาพที่เหมือนกันเลย
การถกเถียงกลายเป็นความบาดหมาง รั้วกลายเป็นกำแพง หมู่บ้านที่เคยรวมเป็นหนึ่ง กลับแตกแยกเพราะความมั่นใจในเศษกระจกของตน
วันหนึ่ง เด็กหญิงคนหนึ่งถามคุณยายว่า “ทำไมพวกเราทุกคนถึงโกรธกัน ในเมื่อเราทุกคนต่างก็ถือเศษกระจกใบเดียวกันอยู่?”
คุณยายที่ยังจำพายุวันนั้นได้ ยิ้มและตอบว่า
“เพราะพวกเราลืมไปว่า… เราเคยเป็นหนึ่งเดียวกัน”
การใคร่ครวญ
นั่นแหละคือแก่นของคำสอนของพระเยซู ไม่ใช่หรือ?
“เมื่อคุณเคยเป็นหนึ่งเดียว คุณก็กลายเป็นผู้ถูกแบ่งแยก”
แต่ละคนต่างถือชิ้นส่วนของความจริงไว้—เงาสะท้อนของนิรันดร์ในร่างกายที่เปราะบาง แต่เรากลับลืมภาพรวม เราเข้าใจผิดว่าชิ้นส่วนคือทั้งหมด และนั่นคือจุดเริ่มต้นของความแตกแยก ไม่ใช่แค่กับผู้อื่น แต่กับตัวเองด้วย
พระเยซูยังกล่าวต่อว่า:
“เมื่อคุณกินสิ่งที่ตายไปแล้ว คุณก็ทำให้มันมีชีวิต”
แม้ว่าเราจะเคยกลืนกินสิ่งที่ไร้ชีวิตของโลกนี้—ความเคียดแค้น การตัดสิน ตัวตนปลอม ๆ—แต่เรายังมีพลังที่จะปลุกสิ่งลึกซึ้งให้ตื่นขึ้น เราสามารถเป่าลมหายใจแห่งชีวิตเข้าสู่สิ่งที่ตายแล้วได้ นี่คือปาฏิหาริย์ของมนุษย์: การฟื้นคืนไม่ใช่แค่ร่างกาย แต่รวมถึงจิตสำนึก ความเมตตา และการตื่นรู้
แต่แล้วคำถามก็มาถึง:
“เมื่อคุณอยู่ในแสงสว่าง คุณจะทำอย่างไร?”
เพราะการตื่นรู้ไม่ใช่จุดหมายปลายทาง แต่เป็นจุดเริ่มต้น
แสงสว่างไม่ใช่แค่เพื่อให้เห็นทาง มันมีไว้เพื่อเยียวยา เพื่อรวบรวม เพื่อฟื้นฟูสิ่งที่เคยแตกสลาย
การเรียกร้องให้ลงมือ
ดังนั้น… เมื่อคุณถูกแบ่งแยก คุณจะทำอย่างไร?
คุณจะยึดถือเศษกระจกของคุณไว้แน่น และเชื่อว่านั่นคือความจริงทั้งหมดหรือไม่?
หรือคุณจะถ่อมตน แล้วไปหาเศษกระจกของผู้อื่น—ไม่ใช่เพื่อโต้แย้ง แต่เพื่อเข้าใจ?
คุณจะช่วยกันประกอบกระจกขึ้นใหม่ไหม? ไม่ใช่กระจกใบเก่าที่อยู่กลางลานหมู่บ้าน แต่เป็นกระจกภายในจิตวิญญาณของทุกคน—กระจกแห่งเอกภาพศักดิ์สิทธิ์
แม้แต่สวรรค์ พระเยซูยังกล่าวว่า ก็ไม่ถาวร
แต่แสงสว่างภายในตัวคุณนั้นเป็นนิรันดร์ แสงนั้นอยู่เหนือสวรรค์ทั้งปวง แสงนั้นจำได้
วันนี้เราไม่ได้มาแค่เพื่อฟัง
เรามาเพื่อ “ระลึก”
เพื่อเริ่มงานอันศักดิ์สิทธิ์—การเก็บเศษกระจกคืน
หนึ่งชิ้น
หนึ่งความจริง
หนึ่งวิญญาณ…ในแต่ละครั้ง